วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัดบทที่ 13

ข้อที่  1 จงอธิบายความหมายของ เงินสดมา
ตอบ  เงินสด มาตรฐานการบัญชีให้คำนิยามเงินสดไว้ว่า “ เงินสด (Cash) หมายถึง เงินสดในมือและเงินฝากธนาคารทุกประเภท ไม่รวมเงินฝากธนาคารประเภทที่ต้องจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้
เงินสดในทางบัญชียังหมายความรวมถึงเอกสารทางการเงินหรือเอกสารเครดิตที่สามารถเปลี่ยนมือได้ง่าย สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีเมื่อต้องการใช้ เงินสดมีลักษณะอยู่หลายชนิดที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแต่ในขณะเดียวกันจะเป็นตัวกำหนดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในการดำเนินธุรกิจกิจการอาจมีเงินฝากธนาคารหลายบัญชีและมีเงินสดในมืออีกด้วย แต่จะแสดงรายการในงบดุล รวมยอดเงินสดและเงินฝากธนาคารไว้เข้าด้วยกันภายใต้สินทรัพย์หมุนเวียน เงินสดสามารถแบ่งจัดรายการเป็นชนิดของเงินสด และเอกสารที่มิใช่เงินสดได้ดังต่อไปนี้

กระแสเงิน สด คือ การทำความเข้าใจกระแสเงินสดนั้น คือการพิจารณาทั้งรอบของเงินสดที่จะหมุนเข้ามาในธุรกิจ และรอบของเงินที่จะจ่ายออกไปอย่างละเอียดไปพร้อมๆ กัน โดยจุดประสงค์ก็เพื่อให้ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้ และยังมีเงินใช้จ่ายอยู่อย่างต่อเนื่อง  เงินที่หมุนเข้ามาในธุรกิจก็เช่น เงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของกิจการ เงินที่กู้จากธนาคาร เงินจากการจำหน่ายสินค้า หรือเป็นผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลจากการลงทุนนอกเหนือจากธุรกิจหลัก (อาทิผลตอบแทนจากการลงทุนพันธบัตรหรือหุ้น) ส่วนเงินที่ใช้จ่ายในการทำธุรกิจอาจเป็นเงินที่ใช้ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น ซื้อเครื่องจักร ซื้อที่ดิน สร้างอาคาร หรืออาจเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นประจำอย่างค่าแรงหรือค่าจ้างพนักงาน ค่าวัตถุดิบ ค่าภาษีประจำปี เป็นต้น การทำความเข้าใจกระแสเงินสดนั้นจะเป็นการพิจารณากระแสเงินเหล่านี้ว่ามีรอบระยะและจำนวนเป็นอย่างไร เช่น ลูกค้าจะจ่ายชำระค่าสินค้าในช่วงเวลาใด? หรือบริษัทเองมีรอบที่จะต้องชำระเงินค่าวัตถุดิบหรือจ่ายค่าแรงเมื่อไร? ช่วงเวลาไหนที่จำเป็นจะต้องลงทุนค่าเครื่องจักรชุดใหม่? เป็นต้น แล้วนำชุดข้อมูลดังกล่าวมาคำนวณกระแสเงินสดที่หมุนเวียนเข้าออกในธุรกิจในช่วงระยะเวลานั้นๆ ว่ามีปริมาณเงินสด ณ ช่วงเวลาที่เราสนใจนั้นยังมีเพียงพอต่อการใช้จ่ายหรือไม่ หรือบางครั้งอาจไม่ดีแต่ก็เกิดในลักษณะที่ยอมรับได้ก็เป็นได้ กระแสเงินสดหมุนเวียนปกติแล้วจะมี 2 รูปแบบ


ได้แก่
กระแสเงินสดเป็นบวก (Positive Cash Flow) เกิดขึ้นต่อเมื่อเงินเข้ามีมากกว่าเงินออก ซึ่งหมายความว่ามีเงินสดสำหรับใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ
กระแสเงินสดติดลบ (Negative Cash Flow) เกิดขึ้นต่อเมื่อกระแสเงินไหลออกมากกว่าเงินเข้า
ซึ่งโดยมากการละเลยการพิจารณาปัญหาในขณะที่กระแสเงินสดของธุรกิจกำลังติดลบอยู่ นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การดำเนินกิจการหยุดชะงักเนื่องจากมีเงินสดไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายนั่นเอง

ข้อที่  2 ขั้นตอนในการจัดทำงบประมาณเงินสดมีกี่ขั้นตอนอะไรบ้าง
ตอบ มีทั้งหมด 5 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 จัดทำประมาณการเงินสดรับ
ขั้นตอนที่ 2 จัดทำประมาณการเงินสดจ่าย
ขั้นตอนที่ 3 ประมาณการเงินสดขั้นต่ำที่กิจการจะต้องดำรงไว้เพื่อความปลอดภัย
ขั้นตอนที่ 4 คำนวนเงินสดเกิน (ขาด) สุทธิ
ขั้นตอนที่ 5 คำนวนเงินสดปลายงวด




ข้อที  3 การจัดการหลักทรัพย์ตามความต้องการของตลาด หมายถึงอะไร
ตอบ  การจัดการหลักทรัพย์ตามความต้องการของตลาด(marketable security management) หมายถึง วิธีการหรือหลักเกณฑ์ที่ธุรกิจน ามาใช้ในการ พิจารณาตัดสินใจเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการเป็นการชั่วคราว หรือระยะเวลาสั้น ๆ แทนการถือเงินสด โดยมีวัตถุประสงค์ให้ธุรกิจได้รับ ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลหรือก าไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์นั้น



ข้อที่  4 หลักทรัพย์ตามความต้องการของตลาด มีอะไรบ้าง พร้อมอธิบาย
ตอบ  1. ตั๋วเงินคลัง (treasury bill) หมายถึง ตราสารหนี้ระยะสั้นชนิดหนึ่งที่ออกโดยรัฐบาล
2. ตราสารพาณิชย์ (commercial paper) หมายถึง ตราสารชนิดหนึ่งที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ าประกัน
 3. ตั๋วเงินที่ธนาคารรับรอง (bankers’ acceptances) หมายถึง ตราสารที่ผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศสั่งให้ธนาคาร จ่ายเงินให้กับผู้ถือตั๋วเงินเมื่อครบก าหนดไถ่ถอนตามจ านวนเงินที่ระบุไว้ ในหน้าตั๋วเงิน
4. บัตรเงินฝากหรือใบรับฝากธนาคารพาณิชย์ (negotiable certificates of deposit) หมายถึง ตราสารชนิดหนึ่งที่ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนออก ให้แก่ผู้ฝากเงินแทนหลักฐานการรับฝากเงิน และผู้ถือใบรับฝากจะ ได้รับเงินคืนเมื่อครบก าหนด
5. สัญญาซื้อคืน (repurchase agreements) หมายถึง สัญญาเกี่ยวกับการขายหลักทรัพย์ระหว่างผู้ขอกู้และผู้ให้กู้ ว่า ผู้ขอกู้จะซื้อหลักทรัพย์กลับคืนในราคาและดอกเบี้ยที่ก าหนดไว้
6. กองทุนรวมตลาดเงิน (money market mutual funds) หมายถึง การลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงิน


ข้อที่ 5 จงวาดแผนผังงบประมาณเงินสดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำงบประมาณการเงิน มาพอเข้าใจ
ตอบ


บทที่ 13 การจัดการเงินสด และหลักทรัพย์ ในความต้องการของตลาด

เงินนสด (cash) หมายถึง เงินสดในมือ และเงินฝากทุกประเภทแต่ไม่รวมเงินฝากประเภทที่ต้องจ่ายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนด



มูลเหตุการจูงใจในการถือเงินสด

1. ค่าใช้จ่ายประจ าในการดำเนินงานตามปกติ
2. ความปลอดภัย หรือ การป้องกันเงินสดขาดมือเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน
3. การเก็บงบกำไร
4. การด ารงเงินฝากขั้นต่ำ
5. การรักษาเครดิตของธุรกิจ

การจัดการเงินสด (cash management) หมายถึง เทคนิคหรือวิธีการที่ช่วยให้ธุรกิจใช้ เงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ และมีปริมาณเงินสดอย่าง เพียงพอสำหรับความต้องการใช้เงินสดตลอดเวลา

วัตถุประสงค์การจัดการเงินสด
1. เพื่อเป็นการรักษาสภาพคล่อง และความสามารถในการทำกำไรให้มีความสมดุลกัน
2. เพื่อให้ธุรกิจมีปริมาณเงินสดที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป
3. เพื่อให้ธุรกิจได้มีการวางแผนทางการเงิน

วิธีการจัดการเงินสด
1. วิธีการเร่งรับเงินสด
  1.1 ระบบการเช่าตู้ไปรษณีย์
  1.2 วิธีการรตั้งศูนย์หรือตัวแทนเก็บเงิน
  1.3 วิธีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
  1.4 การโอนเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
      1. บริการโอนเงินระหว่างธนาคาร
      2. บริการช าระค่าสินค้าและบริการ
      3. บริการโอนเงินด่วน
  1.5 วิธีการจ่ายเงินด้วยเช็คที่อนุมัติไว้ล่วงหน้า
  1.6 วิธีการถอนเงินตามเช็คต่างสาขา
  1.7 วิธีอื่น ๆ ที่ผู้ขายจะต้องเสนอข้อตกลงไว้ในเงื่อนไขการขาย
2. วิธีการชะลอการจ่ายเงิน
  2.1 การเปิดบัญชีให้มียอดคงเหลือเป็นศูนย์
  2.2 การรวมเงินการช าระหนี้ไว้ที่ส่วนกลาง
  2.3 การจ่ายเงินด้วยตั๋วแลกเงิน
  2.4 การจ่ายเงินด้วยเช็คที่ระบุชื่อ และขีดคร่อม
  2.5 การออกใบแจ้งหนี้เป็นการล่วงหน้า
  2.6 การก าหนดวันและช่วงเวลาของการจ่ายเงิน
  2.7 ก าหนดวันช าระเงิน

การกำหนดแนวปฏิบัติให้แก่พนักงาน
1. ตรวจนับเงินสดคงเหลือทุกสิ้นวันท าการ
2. ก าหนดวงเงินขั้นต่ าที่พนักงานจะเก็บรักษาได้
3. ก าหนดให้มีการจ่ายเงินด้วยเช็คระบุชื่อ และขีดคร่อม
4. จัดให้มีเงินสดย่อย
5. ก าหนดให้มีการจัดท างบกระทบยอดเงินฝากธนาคาร
6. จัดท าตารางเปรียบเทียบเงินสดรับและเงินสดจ่าย

งบประมาณเงินสด (cash budget) หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ในการพยากรณ์เงินสดรับและเงินสดจ่ายของธุรกิจในอนาคตส าหรับช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ส่วนประกอบของงบประมาณเงินสด
1. รายการด าเนินงาน
1.1 ประมาณการเงินสดรับ
1.1.1 เงินสดรับจากการขายสินค้าหรือบริการ
1.1.2 เงินสดรับจากการรับช าระหนี้ของลูกหนี้
1.1.3 เงินสดรับจากการขายสินทรัพย์ต่าง ๆ
1.1.4 เงินสดรับจากรายได้อื่น ๆ
1.2 ประมาณการเงินสดจ่าย
1.2.1 เงินสดจ่ายเพื่อซื้อวัตถุดิบหรือสินค้า
1.2.2 เงินสดจ่ายเพื่อการช าระหนี้แก่เจ้าหนี้
1.2.3 เงินสดจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ
1.2.4 เงินสดจ่ายเป็นค่าด าเนินงาน
1.2.5 เงินสดจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
1.2.6 เงินสดจ่ายเป็นเงินปันผล
2. รายการวางแผนทางการเงิน
2.1 การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในระยะสั้น
2.2 การขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด
2.3 การจ่ายเงินช าระหนี้ระยะสั้น
2.4 การจ่ายดอกเบี้ย
2.5 การซื้อหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด

ขั้นตอนในการจัดทำงบประมาณเงินสด
ขั้นที่ 1 จัดท าประมาณการเงินสดรับ
ขั้นที่ 2 จัดท าประมาณการเงินสดจ่าย
ขั้นที่ 3 ประมาณการเงินสดขั้นต่ าที่กิจการจะต้องด ารงไว้เพื่อความปลอดภัย
ขั้นที่ 4 ค านวณเงินสดเกิน (ขาด) สุทธิ
ขั้นที่ 5 ค านวณเงินสดปลายงวด

หลักทรพย์ตามความต้องการของตลาด
1. ตั๋วเงินคลัง (treasury bill)หมายถึง ตราสารหนี้ระยะสั้นชนิดหนึ่งที่ออกโดยรัฐบาล
2. ตราสารพาณิชย์ (commercial paper)หมายถึง ตราสารชนิดหนึ่งที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ าประกัน
3. ตั๋วเงินที่ธนาคารรับรอง (bankers’ acceptances)หมายถึง ตราสารที่ผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินให้กับผู้ถือตั๋วเงินเมื่อครบก าหนดไถ่ถอนตามจ านวนเงินที่ระบุไว้ในหน้าตั๋วเงิน
4. บัตรเงินฝากหรือใบรับฝากธนาคารพาณิชย์ (negotiable certificates ofdeposit)หมายถึง ตราสารชนิดหนึ่งที่ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนออกให้แก่ผู้ฝากเงินแทนหลักฐานการรับฝากเงิน และผู้ถือใบรับฝากจะได้รับเงินคืนเมื่อครบก าหนด
5. สัญญาซื้อคืน (repurchase agreements)หมายถึง สัญญาเกี่ยวกับการขายหลักทรัพย์ระหว่างผู้ขอกู้และผู้ให้กู้ว่า ผู้ขอกู้จะซื้อหลักทรัพย์กลับคืนในราคาและดอกเบี้ยที่ก าหนดไว้
6. กองทุนรวมตลาดเงิน (money market mutual funds)หมายถึง การลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงิน

การจัดการหลักทรัพย์ตามความต้องการของตลาด
การจัดการหลักทรัพย์ตามความต้องการของตลาด(marketable securitymanagement) หมายถึง วิธีการหรือหลักเกณฑ์ที่ธุรกิจน ามาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ตลาดต้องการเป็นการชั่วคราวหรือระยะเวลาสั้น ๆ แทนการถือเงินสด โดยมีวัตถุประสงค์ให้ธุรกิจได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลหรือก าไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์นั้น

หลักเกณฑ์การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ตามความต้องการของตลาด
1. ความเสี่ยงทางการเงิน
2. ความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ย
3. อัตราผลผลได้หรืออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุน
4. อายุครบก าหนด
5. ความคล่องตัวในการซื้อขาย
6. ภาษีเงินได้

แบบฝึกหัดบทที่ 9

1. งบที่แสดงผลขาดทุนสุทธิสำหรับงวดเรียกว่า

       ตอบ   งบกำไรขาดทุน

2.  รายการ 2 กลุ่มที่ถูกนำมาเปรียบเทียบในงบกำไรขาดทุนคือ

       ตอบ  รายได้.. และ ค่าใช้จ่าย

3. องค์ประกอบของงบการเงินมีอะไรบ้าง

    ตอบ  สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ รายได้ ค่าใช้จ่าย

4. ให้ยกตัวอย่างชื่อบัญชีที่อยู่ในองค์ประกอบของงบการเงิน องค์ประกอบละ 3 รายการ

      ตอบ    สินทรัพย์        - เงินสด เงินฝากธนาคาร เงินลงทุน สินค้า ตั๋วเงินรับ ลูกหนี้ ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์                           ลิขสิทธิ์  เป็นต้น
หนี้สิน             - เจ้าหนี้การค้า ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย เงินกู้ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ รายได้รับล่วงหน้าส่วนของเจ้าของ ทุน หุ้นสามัญ เงินปันผล กำไรสะสม สำรองต่างๆ
รายได้             -  รายได้จากการขายสินค้า รายได้จากการให้บริการ ดอกเบี้ยเงินฝาก กำไรจากการจำหน่ายสินค้าค่าใช้จ่าย        -  ต้นทุนสินค้าที่ขาย ค่าเช่า เงินเดือน หนี้สูญ ค่าสาธารณูปโภค ค่าเบี้ยประกัน  เป็นต้น

5. สมการงบดุลคือ

 ตอบ  สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ


วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หมายเหตุประกอบงบการเงิน (notes to financial statement)

หมายเหตุประกอบงบการเงิน (notes to financial statement) เป็นส่วนประกอบของ งบการเงิน ที่แสดงถึงข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดทำงบการเงิน นโยบายการบัญชีที่ใช้และข้อมูลอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากที่นำเสนอในงบการเงิน ข้อมูลที่ปรากฏในหมายเหตุประกอบงบการเงินจะช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจงบการเงินมากยิ่งขึ้น มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2552) เรื่องการนำเสนองบการเงินกำหนดไว้ว่า หมายเหตุประกอบงบการเงินต้องนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์การจัดทำงบการเงินและนโยบายการบัญชี ต้องเปิดเผยข้อมูลที่กำหนดโดยมาตรฐานทางการเงินที่ไม่ได้นำเสนอไว้ที่ใดในงบการเงิน และต้องให้ข้อมูลอื่นเพิ่มเติมที่ไม่ได้นำเสนอไว้ที่ใดในงบการเงินแต่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อการทำความเข้าใจงบการเงินเหล่านั้น  (สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์, 2552 ก) โดยหมายเหตุประกอบงบการเงินต้องจัดทำให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (NPAE) 2 ส่วน คือ สรุปนโยบายที่สำคัญและข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ฉบับที่ 20/2554 เรื่อง มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะดังนี้
               1.  ข้อความที่ระบุว่างบการเงินได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
2.  สรุปนโยบายการบัญชีที่เลือกใช้
3.  ข้อมูลที่มาตรฐานการรายงานทางการเงินกำหนดให้เปิดเผยเป็นการเฉพาะ

4.  ข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ภาระผูกพันตามสัญญา

งบกระแสเงินสด (statement of cash flow)


         งบกระแสเงินสด (statement of cash flow) เป็นอีกงบการเงินหนึ่งที่ฝ่ายบริหารของกิจการควรจัดทำขึ้นตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2552) เรื่องการนำเสนองบการเงิน
งบกระแสเงินสด หมายถึง งบการเงินที่แสดงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ได้รับเข้ามา เงินสดที่จ่ายออกไป และเงินสดเปลี่ยนแปลงสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงินของกิจการในระหว่างงวดบัญชีหนึ่ง โดยการกระทบยอดเงินสดยกมาต้นงวดให้เท่ากับเงินสดคงเหลือปลายงวด 
            จุดมุ่งหมายของงบกระแสเงินสด  เป็นการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับเงินสดรับและเงินสดจ่ายของธุรกิจในระหว่างช่วงเวลาหนึ่งโดยจัดแบ่งข้อมูลออกเป็น 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมการดำเนินงาน กิจกรรมการลงทุน และกิจกรรมการจัดหาเงิน
            ประโยชน์ของการจัดทำงบกระแสเงินสด  สรุปได้ดังนี้
1.    ผู้ใช้งบการเงินสามารถประเมินการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์สุทธิของกิจการ
2.    ผู้ใช้งบการเงินสามารถประเมินโครงสร้างทางการเงินของกิจการ รวมถึงสภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้
3.    ผู้ใช้งบการเงินสามารถประเมินความสามารถในการจัดการเกี่ยวกับจำนวนเงินและระยะเวลาของกระแสเงินสด
4.    ผู้ใช้งบการเงินเป็นสามารถประเมินความสามารถในการทำกำไรของกิจการ
5.    ผู้ใช้งบการเงินสามารถนำไปใช้ประเมินผลการดำเนินงาน วางแผนการลงทุนในอนาคต  ตลอดจนกิจกรรมด้านการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการ
งบกระแสเงินสดต้องแสดงกระแสเงินสดในระหว่างงวด โดยจำแนกประเภทกระแสเงินสดรับ และกระแสเงินสดจ่าย ออกเป็น 3 กิจกรรม คือ กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน   กิจกรรมลงทุน และกิจกรรมจัดหาเงิน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.    กิจกรรมการดำเนินงานเป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความสามารถในการดำเนินงานของกิจการในการก่อให้เกิดกระแสเงินสดที่เพียงพอเพื่อจ่ายชำระเงินกู้ยืม เพื่อการดำเนินงานของกิจการ เพื่อจ่ายเงินปันผล และเพื่อการลงทุนใหม่ ๆ โดยไม่ต้องมีการจัดหาเงินจากแหล่งเงินภายนอก ดังนั้นกิจกรรมดำเนินงานจึงเป็นกิจกรรมที่เกิดจากรายการค้าที่มีผลต่อกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นรายได้หลักของธุรกิจ  เป็นรายการค้าทั้งหมดที่นอกเหนือจากกิจกรรมการลงทุนและกิจกรรมการจัดหาเงิน  รวมถึงรายการค้าที่มีผลต่อสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน  (ยกเว้นหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืม และเงินปันผลค้างจ่าย) และรวมถึงการเปลี่ยนแปลงบัญชีในงบแสดงฐานะทางการเงินส่วนที่ไม่หมุนเวียน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อกำไรสุทธิ เช่น ค่าเสื่อมราคาสะสมการตัดบัญชีการรายงานกระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานในงบกระแสเงินสดนั้น สามารถทำได้ 2 วิธี คือวิธีทางตรง และวิธีทางอ้อม
1.1 วิธีทางตรง เป็นการแสดงเงินสดรับและเงินสดจ่ายตามลักษณะของรายการหลักที่สำคัญต่าง ๆ ของเงินสดรับและเงินสดจ่าย โดยกระแสเงินสดรับจากการดำเนินงาน คือ     เงินสดรับจากการขายสินค้าและการให้บริการ เงินสดรับจากรายได้ค่าสิทธิ ค่าธรรมเนียม             ค่านายหน้า และรายได้อื่น ส่วนเงินสดจ่ายจากการดำเนินงาน คือ เงินสดที่จ่ายให้กับผู้ขายสินค้าและบริการ ตลอดจนเงินสดที่จ่ายแก่พนักงานและจ่ายค่าตอบแทนของพนักงาน ผลต่างระหว่าง  เงินสดรับ และเงินสดจ่ายจากการดำเนินงาน คือ กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน
1.2 วิธีทางอ้อม เป็นการรายงานกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน จากการนำกำไรหรือขาดทุนสุทธิมาปรับปรุงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในระหว่างงวดของสินค้าคงเหลือ ลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่เกิดจากการดำเนินงาน รวมถึงรายการที่ไม่กระทบเงินสด เช่น ค่าเสื่อมราคา ประมาณการหนี้สิน ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี ผลกำไรและขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการแปลง         ค่าเงินตราต่างประเทศและกำไรที่ยังไม่ได้รับจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน และเงินสดจ่ายล่วงหน้าเพื่อลูกค้าและเงินให้กู้ยืมแก่ลูกค้า และการจ่ายคืนเงินล่วงหน้าและเงินให้กู้ยืม
2.    กิจกรรมลงทุนเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ไม่รวมถึงกำไรสุทธิ ประกอบด้วย การจัดหาหรือการขายสินทรัพย์ถาวร เช่น ที่ดิน โรงงาน อาคาร และอุปกรณ์ การได้มาหรือการขายหลักทรัพย์ที่ถือไว้เป็นเงินลงทุนระยะยาว เช่น หุ้นกู้และหุ้นสามัญของบริษัทอื่น การซื้อขายตราสารทางการเงิน เช่น ตั๋วเงิน ซึ่งเป็นตั๋วเงินรับหรือตั๋วเงินจ่ายที่เกิดจากการกู้ยืมเงิน โดยจะไม่รวมถึงตั๋วเงินที่เกิดจากการจ่ายหรือรับชำระหนี้ค่าสินค้า การให้บริษัทย่อยกู้ยืมเงิน และการได้รับชำระหนี้เงินกู้ อย่างไรก็ตามก่อนที่จะพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนจะต้องพิจารณาว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อกำไรสุทธิหรือไม่  เช่น ค่าเสื่อมราคา  ค่าใช้จ่ายรอการตัดบัญชี  ซึ่งทั้ง 2 บัญชีจะจัดประเภทเป็นกิจกรรมดำเนินงาน

3.  กิจกรรมจัดหาเงินเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับเงินสดรับที่ได้จากการจัดหาเงินจากแหล่งเงินทุนระยะสั้น แหล่งเงินทุนระยะยาว หรือจากการออกจำหน่ายหุ้นทุน หรือหุ้นกู้ เช่น การกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ และกิจกรรมเกี่ยวกับจ่ายเงินสด เพื่อการจ่ายเงินปันผล การซื้อหุ้นกลับคืนมา การจ่ายคืนเงินทุนระยะยาว หรือการจ่ายชำระหนี้ให้กับผู้ให้กู้ และรายการที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของบริษัท

งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (statement of comprehensive income)

งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (statement of comprehensive income) หมายถึง งบการเงินที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการสำหรับงวด เพื่อสรุปผลการเปรียบเทียบรายได้กับค่าใช้จ่ายของรอบระยะเวลาบัญชีในบัญชีหนึ่งว่ากิจการมีผลกำไร หรือขาดทุนสุทธิเท่าใดโดยผลกำไรจะทำให้ส่วนของเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น และผลขาดทุนจะทำให้ส่วนของเจ้าของกิจการลดลง
ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ตามประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ. 2554 (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, 2554 ก) กำหนดให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ต้องจัดทำงบกำไรขาดทุนได้ 2 รูปแบบ คือ จำแนกค่าใช้จ่ายตามลักษณะของค่าใช้จ่าย และจำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่ค่าใช้จ่ายหรือวิธีต้นทุนขาย แบบขั้นเดียวและแบบหลายขั้น ดังนั้นงบกำไรขาดทุนของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน และบริษัทจำกัด จึงสามารถจัดทำได้ 3 แบบคือ
1.    งบกำไรขาดทุนจำแนกค่าใช้จ่ายตามลักษณะของค่าใช้จ่าย
2.    งบกำไรขาดทุนจำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่-แบบขั้นเดียว
3.    งบกำไรขาดทุนจำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่-แบบหลายขั้น
โดยมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2552) เรื่องการนำเสนองบการเงิน (สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์, 2552 ก) ได้กำหนดการแสดงรายการในงบกำไรขาดทุน จำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่-แบบขั้นเดียว ไว้ดังนี้
1.    รายได้ (revenue) หมายถึง การเพิ่มขึ้นของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลารายงาน หรือการเพิ่มค่าของสินทรัพย์ หรือการลดลงของหนี้สิน ซึ่งส่งผลให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น โดยไม่รวมถึงเงินทุนที่ได้รับจากเจ้าของและรายการกำไร
1.1      รายได้จากการขายหรือการให้บริการ (revenue from or revenue from rendering services) หมายถึง รายได้ที่เกิดจากการขายสินค้า สิทธิ หรือบริการ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกิจการเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินสด สิทธิเรียกร้องให้ชำระเงิน หรือสิ่งอื่นที่มีมูลค่าคิดเป็นเงินได้ ทั้งนี้ให้แยกแสดงเป็นรายได้หลักแต่ละประเภท เช่น รายได้จากการขายสินค้า รายได้จากการให้บริการ เป็นต้น
1.2      รายได้อื่น (other income) หมายถึง รายได้จากการดำเนินงานนอกจากที่กำหนดไว้ข้อ 1.1 รวมถึงผลกำไรอื่น เช่น กำไรจากการขายเงินลงทุน ผลกำไรจากการขายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ เป็นต้น
2.    ค่าใช้จ่าย (expenses) หมายถึง การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลารายงาน หรือการลดค่าของสินทรัพย์หรือการเพิ่มขึ้นของหนี้สิน ส่งผลให้ส่วนของเจ้าของลดลง โดยที่ไม่รวมถึงการแบ่งปันให้กับเจ้าของและรายการขาดทุน
2.1      ต้นทุนขายและหรือต้นทุนการให้บริการ (costs of sales or cost of services)หมายถึง ต้นทุนของสินค้า สิทธิ หรือบริการที่ขาย รวมถึงราคาซื้อ ต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จ่ายไปเพื่อให้สินค้าอยู่ในสภาพพร้อมที่จะขาย โดยแยกแสดงเป็นต้นทุนตามประเภทของธุรกิจหลักของกิจการตามที่ได้แสดงไว้ในข้อ 1.1 เช่น ต้นทุนของสินค้าที่ขาย ต้นทุนของการให้บริการ เป็นต้น
2.2      ค่าใช้จ่ายในการขาย (sellingeexpenses) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอันเนื่อง     มาจากการขาย
2.3      ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (administrative expenses) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการบริหารกิจการอันเป็นส่วนรวม
2.4      ค่าใช้จ่ายอื่น (other expenses) หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานนอกจากค่าใช้จ่ายข้างต้นทั้งนี้ให้รวมถึงขาดทุนอื่น เช่น ผลขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุน ผลขาดทุนจากการจำหน่ายที่ดินอาคาร อุปกรณ์ ผลขาดทุนจากการหยุดงานของพนักงาน
3.     กำไร (ขาดทุน) ก่อนต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ (profit (loss) before finance costs and income tax expenses) หมายถึง ยอดรวมรายได้หักด้วยยอดรวมค่าใช้จ่าย แต่ก่อนหักต้นทุนเงินลงทุนทางการเงินและก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ หากมีผลขาดทุนให้แสดงจำนวนเงินไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ
4.    ต้นทุนทางการเงิน (finance costs) หมายถึง ค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการก่อหนี้สินของกิจการ เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าธรรมเนียมธนาคารที่เกิดจากการกู้ยืมเงิน ดอกเบี้ยที่เกิดจากสัญญาเช่าการเงิน เป็นต้น
5.    กำไร (ขาดทุน) ก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ (profit (loss) before income tax expense) หมายถึง กำไร (ขาดทุน) ก่อนต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ หักด้วย ต้นทุนทางการเงิน หากมีผลขาดทุนสุทธิให้แสดงจำนวนเงินไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ
6.    ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ (income tax expenses) หมายถึง ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่คำนวณขึ้น
7.    กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (net profit (loss)) หมายถึง กำไร (ขาดทุน) ก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ หักด้วย ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ หากมีผลขาดทุนสุทธิให้แสดงจำนวนเงินไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ

ส่วนบริษัทมหาชนจำกัด ตามประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ. 2554 (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, 2554 ก) ได้กำหนดให้บริษัทมหาชนจำกัดต้องจัดทำงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จได้ 2 ลักษณะ คือ งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จเพียงงบเดียว หรือแยกเป็นสองงบ คือ งบเฉพาะกำไรขาดทุน และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ โดยสามารถรายงานได้           2 รูปแบบ คือ แบบรายงานค่าใช้จ่ายตามวิธีลักษณะของค่าใช้จ่าย และแบบรายการค่าใช้จ่ายตามวิธีหน้าที่ค่าใช้จ่ายหรือวิธีต้นทุนขาย แบบขั้นเดียวและแบบหลายขั้น ดังนั้นงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของบริษัทมหาชนจำกัดจึงสามารถจัดทำได้ 6 แบบคือ
1.    งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จจำแนกค่าใช้จ่ายตามลักษณะของค่าใช้จ่าย(แสดงแบบ         งบเดียว)
2.    งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จจำแนกค่าใช้จ่ายตามลักษณะของค่าใช้จ่าย (แสดงแบบ      สองงบ)
3.    งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จจำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่-แบบขั้นเดียว (แสดงแบบงบเดียว)
4.    งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จจำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่-แบบขั้นเดียว (แสดงแบบสองงบ)
5.    งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จจำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่-แบบหลายขั้น (แสดงแบบ         งบเดียว)
6.    งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จจำแนกค่าใช้จ่ายตามหน้าที่-แบบหลายขั้น (แสดงแบบสองงบ)
            โดยมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2552) เรื่องการนำเสนองบการเงิน (สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์, 2552 ก) ได้กำหนดรายการที่ต้องแสดงในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย
1.    รายได้
2.    ต้นทุนทางการเงิน
3.    ส่วนแบ่งกำไรหรือขาดทุนของบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าที่ใช้วิธีส่วนได้เสีย
4.    ค่าใช้จ่ายภาษี
5.    ยอดรวมของกำไรขาดทุนหลังหักภาษีเงินได้จากการดำเนินงานที่ยกเลิก และผลกำไรหรือขาดทุนหลังหักภาษีเงินได้ที่รับรู้จากการวัดมูลค่ายุติธรรมสุทธิหักจากต้นทุนในการขายหรือจากการจำหน่ายกลุ่มสินทรัพย์ที่ยกเลิกที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่ยกเลิก
6.    กำไรหรือขาดทุน
7.    องค์ประกอบแต่ละรายการของกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นที่จัดประเภทตามลักษณะ
8.    ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นของบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าที่ใช้วิธีส่วนได้เสีย
9.    กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม